หลักการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน มันมีอะไรบ้างนะ?

สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้เป็นอันดับแรกคือ ธนาคารใช้เกณฑ์ อะไรบ้างในการพิจารณาสินเชื่อ โดยหลักการเบื้องต้นก็มีดังนี้

  1. นโยบายการปล่อยสินเชื่อของแต่ละธนาคาร ขึ้นอยู่กับว่าเราจะขอสินเชื่อจากธนาคารไหน?
  2. ภาระหนี้สินที่มีอยู่เดิม เช่น สินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ฯลฯ และความสามารถในการชำระหนี้
  3. หลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ ผู้ค้ำประกัน หรือการกู้ร่วม
  4. โอกาสในการผิดชำระหนี้มากหรือน้อย
  5. ประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาในข้อมูลเครดิต 

คราวนี้เรามาลองตรวจสอบสถานะทางการเงินของเราก่อนว่าเรามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ก่อนที่จะตัดสินใจขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านสักหลัง

  • ฐานรายได้ สิ่งแรกที่เราจะต้องพิจารณาจากตังเราเอง คือ ฐานรายได้ ว่าเรามีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนเท่าไหร่ ซึ่งโดยทั่วไปธนาคารจะเริ่มพิจารณาสินเชื่อให้กับเรา เราควสรมีรายได้ต่อเดือนอย่างน้อย 15,000 บาทขึ้นไป หากคุณเป็นพนักงานบริษัท หรือข้าราชการประจำ หรืออาชีพใด ๆ ก็ตามที่มีฐานเงินเดือนชัดเจน มีสลิปเงินเดือน มีสวัสดิการเช่น ประกันสังคม ก็จะยิ่งทำให้การขอสินเชื่อนั้นง่ายขึ้น
  • ภาระหนี้สินอื่น ๆ เราควรสำรวจภาระหนี้สินที่เรามีอยู่แล้ว เช่น สินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด บัตรผ่อนสินค้าต่าง ๆ เพื่อดูค่าใช้จ่ายในส่วนของการชำระหนี้ ว่ามีมากน้อยในแต่ละเดือน ซึ่งถ้าเรามีภาระทางสินเชื่ออื่น ๆ มากอยู่แล้ว ก็จะทำให้การอนุมัติสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านยากขึ้น เนื่องจากธนาคารจะมองว่าเราอาจจะเแบกรับภาระมากเกินไป ดังนั้นเราจึงควรชำระหนี้สินเหล่านั้นให้หมดเสียก่อน หรืออย่างน้อยก็ทำให้หนี้สินเบาบางลง ซึ่งจะส่งผลให้ credit scoring ของเรานั้นดีขึ้นอีกด้วย และธนาคารจะพิจารณาสินเชื่อก้อนใหญ่ให้เราได้ง่ายขึ้น
  • เครดิตบูโร(Credit Bureau) กรณีนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เราเคยมีประวัติการผิดนัดชำระสินเชื่อใด ๆ ก็ตามจากสถาบันการเงินในระบบ ซึ่งยอดค้างชำระเหล่านี้ จะค้างอยู่ในระบบบัญชี เครดิตบูโร ซึ่งถ้าหากมีประวัติเหล่านี้ค้างอยู่ ธนาคารก็จะไม่อนุมัติสินเชื่อใด ๆ ก็ตามให้กับเรา ดังนั้น หากเราไม่แน่ใจว่าเราเคยติดเครดิตบูโรหรือไม่ สามารถเข้าไปเช็คได้ โดยคลิกที่นี่ ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร

คราวนี้เรามาดูในส่วนของผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หากอยากจะขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน เราจะทำอย่างไรได้บ้าง

  • สเตทเม้นท์(Statement) คืออาวุธที่สำคัญเป็นอันดับแรก โดยเงินหมุนเวียนในบัญชีเงินฝาก ควรมีการหมุนเวียนต่อเดือนอย่างน้อย 30,000 บาท และควรเหลือเงินค้างในบัญชีหลักพันบาทขึ้นไปอยู่เสมอ เป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป และจะยิ่งดีมากหากเงินสดที่ค้างบัญชีมีมากขึ้นทุกเดือน ก็จะยิ่งทำให้สถานะทางการเงินของคุณดูดีมากขึ้น
  • ประกันสังคม เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ ธนาคารมักจะใช้ในการพิจารณาร่วม ซึ่งอันนี้เราจะได้รับความคุ้มครองกรณีเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นของแถม และควรสมัครแบบที่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วย โดยสามารถศึกษาคู่มือผู้ประกันตนได้ที่นี่ คู่มือผู้ประกันตน
  • หลักฐานการเสียภาษี(ถ้ามี) ในกรณีนี้หากคุณมีการชำระภาษีเงินได้อยู่แล้ว จะยิ่งทำให้ธนาคารสามารถพิจารณาได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยธนาคารจะทำการคำนวนย้อนกลับจากฐานภาษีที่เราได้เคยชำระไป เพื่อหาว่าในแต่ละปีนั้น เรามีเงินได้ส่วนบุคคลอยู่เท่าไหร่ และวิธีนี้ธนาคารจะให้น้ำหนักในการพิจารณาที่มากขึ้น หรือพูดง่าย ๆ ว่า ขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้นมากครับ

มาถึงตรงนี้ ผมก็ขอเอาใจช่วย สำหรับท่านที่อยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง หากดูแล้วคุณเข้าเกณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวมา คุณก็พร้อมแล้วที่จะมีบ้านสักหลังครับ